11 ข้อควรรู้ ก่อนตัดสินใจไปร้อยไหมก้างปลา มีอะไรบ้าง ?

ร้อยไหมก้างปลา

การร้อยไหมก้างปลา จะช่วยให้ใบหน้าถูกยกกระชับขึ้น สามารถลดความหย่อนคล้อยของผิวหน้า ส่งผลให้ใบหน้าเรียวขึ้น จึงเป็นที่นิยมของเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ บิวตี้บล็อกเกอร์ ที่อยากมีรูปหน้าเรียววีเซฟโดยที่ไม่ต้องผ่าตัดและใช้เวลาพักฟื้นนาน

สำหรับคนที่สนใจอยากจะไปร้อยไหมก้างปลา ในบทความนี้จะมาแนะนำว่าการร้อยไหมก้างปลา คืออะไร มีข้อดีอย่างไร เหมาะ-ไม่เหมาะกับใคร อันตรายไหม มีผลข้างเคียงอย่างไรบ้าง ทำที่ไหนถึงจะปลอดภัย มีขั้นตอนการทำและวิธีดูแลก่อน-หลังทำอย่างไรบ้าง ถึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ดีตามที่คาดหวัง 


1. ร้อยไหมก้างปลา คืออะไร ?

ร้อยไหมก้างปลา คือ เทคนิคช่วยยกกระชับผิวให้ดูเป็นเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องผ่าตัด โดยการใช้ไหมละลายที่มีเงี่ยงลักษณะคล้ายกับก้างปลา จึงเรียกอีกชื่อว่า “การร้อยไหมก้างปลา” 

ร้อยไหมก้างปลา คืออะไร
( ไหมเงี่ยง ที่มีลักษณะคล้ายกับก้างปลา )

เมื่อนำไหมดังกล่าว มาสอดเข้าไปในชั้นผิวหนัง ไหมที่มีเงี่ยงก็จะเกี่ยวผิวขึ้นมาในทิศทางที่ร้อยไหมเข้าไป คล้าย ๆ กับผิวโดนตะขอเกี่ยว ทำให้ผิวบริเวณที่ร้อยไหมเข้าไป เกิดการกระตุ้นเซลล์ (fibroblast ) ที่มีหน้าที่สร้างเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสติน ส่งผลให้ผิวยกกระชับขึ้น หน้าเรียว ดูวีเชฟขึ้น

วิธีการร้อยไหมก้างปลา
ขั้นตอนการร้อยไหมก้างปลา

นอกจากนี้ก็ยังมีชื่อเรียกอื่น ๆ อีก ตัวอย่างเช่น ไหมกุหลาบ ไหมปิรันย่า ไหมจระเข้ ไหมมังกร ไหมปากฉลาม ไหมทับทิม ไหม Double-lock ไหมทอร์นาโด ซึ่งชื่อเหล่านี้ไม่ได้มีความแตกต่างกันเลย เป็นไหมเงี่ยงเหมือนกันทั้งหมด เพียงตั้งชื่อขึ้นมาให้แตกต่างเพราะเหตุผลทางการค้า แต่จะแตกต่างกันที่วัสดุที่ใช้ทำ ซึ่งเป็นวัสดุที่สามารถใช้ในทางการแพทย์ได้อย่างปลอดภัยในการเย็บแผล ผ่านการรับรองจาก FDA ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ 

วัสดุ 3 ชนิดที่ใช้ทำไหมละลาย
วัสดุ 3 ชนิดที่ใช้ทำไหมละลาย มีคุณภาพและความปลอดภัยผ่านการรับรอง
ขอบคุณข้อมูลภาพจาก V Square Clinic
  • PCL (Polycaprolactone) ละลายหมดภายใน 18-24 เดือน เส้นสีขาวขุ่น มีความยืดหยุ่นสูงที่สุด เส้นใหญ่ที่สุด เป็นไหมตัวใหม่ล่าสุด  สามารถสร้างคอลลาเจนได้ดี และอยู่ได้นาน
  • PLLA (Polylactate) ละลายหมดภายใน 12-18 เดือน เส้นสีขาวใส ขาดความยืดหยุ่น จำทำให้มีความเสี่ยงอาจจะพบปัญหา ไหมขาด ไหมทะลุได้บ่อย จึงไม่ค่อยเป็นที่นิยม
  • PDO (Polydioxanone) จะละลายหมดภายใน 4-6 เดือน เส้นสีน้ำเงิน มีความยืดหยุ่นปานกลาง นิ่ม ไม่เปราะ

2. ร้อยไหมก้างปลา ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ?

  • ร้อยไหมก้างปลาหน้าเรียว ช่วยปรับรูปหน้าให้กรอบหน้าชัด เป็นทรงมากขึ้น 
  • ร้อยไหมก้างปลา ช่วยยกกระชับผิว แก้ปัญหาแก้มหย่อนคล้อย 
  • ร้อยไหมจมูก สามารถเสริมจมูกให้โด่งเป็นสัน
  • ร้อยไหมก้างปลา ช่วยลดริ้วรอย กระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิว
  • ร้อยไหมก้างปลา ช่วยลดไขมันส่วนเกินบนใบหน้า
การเกิด Elastin เมื่อร้อยไหม
การเกิด Elastin เมื่อร้อยไหม

3. ร้อยไหมก้างปลา มีข้อดี-ข้อเสีย อย่างไรบ้าง ?

ข้อดี ของการร้อยไหมก้างปลา

  1. เงี่ยงไหมที่คล้ายตะขอจะเกี่ยวดึงผิวขึ้น หลังร้อยไหมเห็นผลได้ทันที 
  2. ช่วยประคองผิว กระชับผิว คล้ายเส้นเอ็นที่อยู่บนใบหน้าตามธรรมชาติ 
  3. ปลอดภัยด้วยไหม PDO / PLLA / PCL
  4. แก้ริ้วรอยเล็ก ๆ บริเวณมุมปาก ริ้วรอยหางตา หน้าผาก ในเคสที่ดื้อโบท็อก
  5. ไหมสามารถละลายได้หมด 100% โดยไม่มีสารตกค้าง
ข้อดี ของการร้อยไหมก้างปลา
ขอบคุณข้อมูลจาก V Square Clinic

ข้อเสีย ของการร้อยไหมก้างปลา

  1. ถ้าร้อยไหมด้วยเทคนิคที่ไม่ถูกต้อง หรือร้อยตื้นเกินไป จะเกิดรอยบุ๋มขึ้นตามแนวร้อยไหมได้
  2. หากเส้นใย collagen และ elastin ซ้อนทับกันมากเกินไป มีโอกาสเกิดพังผืด (fibrosis) ถ้าร้อยตื้นไม่ถูกตำแหน่ง ก็จะทำให้ไหมดึงผิวผิดรูป
  3. ไหมละลายจะอยู่ได้ 4 เดือน-2 ปี ขึ้นกับชนิดของเส้นไหม เมื่อเวลาผ่านไป 6-8 เดือน ในคนส่วนมาก ไหมอาจหลุดออกจากผิวก่อน ทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้ไม่นานเท่าที่ได้รับรู้จากโฆษณา
  4. มีความเสี่ยงเกิดการบวมช้ำหลังทำ ทั้งจากการฉีดยาชา และเลือดออกใต้ผิวหนัง หลังทำอาจจะมีอาการบวนน้อย แต่ภายใน 3-4 วันแรกจะบวมขึ้น และหายได้เองภายใน 2 สัปดาห์ ไม่บวมขึ้นอีก

4. ร้อยไหมก้างปลา ควรใช้กี่เส้น ?

โดยปกติแล้ว การร้อยไหมก้างปลา จะใช้กับใบหน้าข้างละ 3-10 เส้น ขึ้นอยู่กับ

  • ขนาดเนื้อแก้มของคนไข้ ถ้าเนื้อแก้มเยอะ ก็จะใช้จำนวนเส้นไหมเยอะ แต่หากมีแก้มเยอะมาก ๆ แนะนำให้ทำเมโสแฟตก่อน จึงจะทำให้สามารถดึงไหมได้เยอะขึ้น เพราะประโยชน์ของการร้อยไหมไม่ได้ช่วยลดไขมันบนใบหน้า
  • ความแน่นของผิว วัยรุ่นผิวจะมีความแน่นเยอะ ทำให้ใช้จำนวนไหมน้อย แต่ถ้าอายุมากผิวหย่อนลงทำให้มีความแน่นของผิวน้อย ต้องใช้จำนวนเส้นไหมเยอะ
  • จุดที่ต้องการดึง หากต้องการให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน สามารถเพิ่มจำนวนเส้นไหมให้เยอะขึ้นได้
  • การประเมินของแพทย์ ขึ้นอยู่กับใบหน้าของแต่ละบุคคล
ร้อยไหมก้างปลา ควรใช้กี่เส้น(1)
ขนาดจริงของเส้นไหมก้างปลา

5. ร้อยไหมก้างปลา เหมาะ-ไม่เหมาะกับใครบ้าง ?

การร้อยไหมก้างปลา เหมาะกับ 

  • คนที่อยากยกกระชับใบหน้า 
  • คนที่อยากปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น 
  • คนที่มีปัญหาแก้มหย่อนคล้อย มีริ้วรอย 
  • คนที่ไม่อยากผ่าตัด ต้องการเห็นผลลัพธ์เร็ว

การร้อยไหมก้างปลา ไม่เหมาะกับ 

  • คนที่มีภาวะผิวหนังอักเสบ หรือแผลติดเชื้อบริเวณที่จะร้อยไหม
  • มีประวัติแพ้ยาชา
  • หญิงตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร ควรปรึกษาหมอสูติแพทย์ที่ดูแลก่อนทำ
  • คนที่เคยมีประวัติแพ้วัสดุเส้นไหม หรือมีอาการข้างเคียงอื่น ๆ
  • คนที่อยู่ในภาวะเลือดไหลไม่หยุด หรือคนที่ทานยาสลายลิ่มเลือด ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์

6. ร้อยไหมก้างปลา อันตรายไหม ?

ร้อยไหมก้างปลา ไม่อันตรายค่ะ เมื่อเวลาผ่านไป 6-18 เดือน เส้นไหมจะละลายไปเอง เกิดเป็นเส้นใยอีลาสตินช่วยประคองผิว เหมือนเป็นเส้นเอ็นที่มีอยู่ในร่างกายตามธรรมชาติ หากร้อยไหมด้วยวิธีที่ถูกต้อง และใช้ไหมละลายที่มีคุณภาพได้รับการรับรองจาก อย. 


7. ร้อยไหมก้างปลา มีผลข้างเคียงหลังทำอย่างไรบ้าง ?

  1. หน้าบวม หลังร้อยไหมก้างปลาจะมีอาการบวมช่วง 3-4 วันแรกและเริ่มยุบลงไปเอง แล้วเข้าที่ภายใน 2 สัปดาห์ เป็นอาการที่เกิดขึ้นได้ปกติ แต่หากหลังจาก 4 วันมาแล้ว หน้ายังบวม แดงและปวดมากขึ้น ถือว่าผิดปกติ ต้องรีบกลับมาพบแพทย์เพื่อวินิจฉัย เพราะอาจเกิดจากการดึงไหมเยอะเกินไป ไม่ก็ดึงไหมผิดแนว
  2. หน้าเป็นคลื่น (ไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน) บางคนร้อยไหมแล้วจะรู้สึกเหมือนเป็นคลื่นไม่เรียบเนียน เกิดจากการดึงของเส้นไหม พอไหมเข้าที่ก็จะหายไปเองเช่นกัน
  3. เป็นก้อนหรือเป็นไต (ไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน) ในช่วงแรก ๆ หลังร้อยไหมก้างปลา สามารถจับและสัมผัสได้ในช่วงแรก ๆ เกิดจากการที่ผิวมีความหย่อนคล้อยมากเมื่อดึงไหมขึ้น จะทำให้เป็นก้อนกองรวมกัน เมื่อไหมเข้าที่ก็จะหายไปเอง ไม่ได้เป็นถาวร
  4. ไหมขาด ในกรณีนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน เกิดจากสาเหตุ อ้าปากกว้างเกินไป หรือมีการแสดงสีหน้ามาก หรือการแปรงฟันแรง ๆ จนทำไหมถูกดึงรั้งจนขาด และอีกสาเหตุที่ทำให้ไหมขาด อาจจะมาจากคุณภาพที่ไม่ดีของเส้นไหม หรือหมอเลือกใช้ไหมผิดประเภทในจุดที่ทำการร้อยไหมก้างปลา
หลังร้อยไหม
ขอบคุณข้อมูลจาก V Square Clinic

8.ร้อยไหมก้างปลา ทำที่ไหนดี ?

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ไหนดี
( ขอบคุณภาพจาก V Square Clinic )

เมื่อตัดสินใจจะไปร้อยไหมก้างปลา สิ่งที่เราควรให้ความสำคัญมี 2 ประการ นั่นคือ

  1. เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือ 
  • มีการติดป้ายชื่อ และเลขใบอนุญาต 11 หลัก อย่างชัดเจน
  • มีรีวิวการทำร้อยไหมก้างปลา จากผู้เข้ารับบริการจริง ทั้งแบบรูปภาพและคลิปวิดิโอ 
  • ใช้ไหมแท้ที่มีคุณภาพ ผ่านอย. สามารถละลายได้ 100% ไม่มีสารตกค้างและผลข้างเคียง 
  • มีการติดรูปถ่าย รายละเอียดเกี่ยวกับผู้ประกอบวิชาชีพในคลินิก
  • คลินิกตั้งอยู่ในที่มองเห็นง่าย สภาพแวดล้อมภายในคลินิกดูสะอาด เพราะการร้อยไหมก้างปลา
  • ต้องสะอาดมากพอ ไม่เช่นนั้นอาจเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อน การอักเสบหรือติดเชื้อได้ 
  • มีการติดตามผลหลังทำ มีช่องทางติดต่อหลากหลาย สะดวก ตอบเร็ว เวลาที่มีปัญหาหรือข้อสงสัย สามารถคุยกับหมอเจ้าของเคสได้โดยตรง
  1. เลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง ในการร้อยไหมก้างปลา
  • เลือกหมอที่มีประสบการณ์สูง มีเคสรีวิวเยอะ แสดงถึงความเชี่ยวชาญ
  • มีเทคนิคการร้อยไหมก้างปลาที่ถูกต้อง มือเบา เพื่อลดอาการบวมช้ำ
  • ต้องไม่ใช่หมอเถื่อน ต้องมั่นใจว่าเป็นแพทย์ที่ผ่านการรับรองจากแพทยสภา สามารถตรวจสอบชื่อ-สกุลได้ ผ่านเว็บไซต์ https://www.tmc.or.th/check_md/ 

9.ร้อยไหมก้างปลา มีขั้นตอนการทำอย่างไรบ้าง ?

ร้อยไหมก้างปลา มีขั้นตอนการทำอย่างไรบ้าง
  1. เข้ารับการปรึกษากับแพทย์เพื่อให้แพทย์พิจารณาใบหน้า ว่าควรร้อยไหมกี่เส้น ตรงส่วนใดบ้าง
  2. ทำความสะอาดใบหน้า บริเวณที่จะร้อยไหมก้างปลา
  3. ก่อนทำประมาณ 30-45 นาที จะทำการแปะยาชา และใช้เทปแร็ปบริเวณที่ถูกแปะยาชา 
  4. แพทย์ทำการร่างแนวผิวที่จะร้อยไหมก้างปลา โดยขึ้นอยู่กับเทคนิคของหมอ
  5. ฉีดยาชาเพิ่ม ในขั้นตอนนี้จะเจ็บที่สุด และมีความรู้สึกแสบ ๆ บ้าง
  6. แพทย์ทำการร้อยไหมก้างปลา ในขั้นตอนนี้จะไม่รู้สึกเจ็บ แต่จะรู้สึกถึงเส้นไหมที่กำลังถูกร้อยเข้าไปในชั้นผิวของเรา
  7. ทำการดึงเข็มออก และลูบ ๆ บริเวณรอยเข็มลง เพื่อล็อคไหมบริเวณที่ทำ
  8. ใช้พลาสเตอร์ปิดบริเวณรอยเข็ม ที่มีลักษณะเป็นจุดเล็ก ๆ 
  9. รับประทานยาแก้ปวด และประคบเจลเย็น(บางเคส) เพื่อลดอาการบวม

10. ร้อยไหมก้างปลา ก่อน-หลังทำ ดูแลตัวเองอย่างไร ?

  •  ก่อนร้อยไหมไหมก้างปลา ดูแลตัวเอง ดังนี้
  1. งดยาและวิตามิน เช่น แอสไพริน, NSAIDs, ginseng และ Vitamin E ที่มีผลต่อการทำงานของเลือด ก่อนร้อยไหมก้างปลา 1-2 สัปดาห์ 
  2. ควรแจ้งประวัติการแพ้ยา (โดยเฉพาะยาชา) วิตามินและยาที่ทานประจำ 
  3. ควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด 24 ชั่วโมง ก่อนร้อยไหมก้างปลา
  • หลังร้อยไหมก้างปลา ดูแลตัวเอง ดังนี้
  1. ห้ามแกะ เกา หรือกดนวด หลังร้อยเสร็จทันที ปกติอาจมีอาการบวม แดงหรือเขียวช้ำ ในจุดที่ร้อยไหมได้ แต่จะหายไปเอง ไม่อันตราย
  2. หากมีอาการปวดมาก ทางคลินิกจะมีการจ่ายยาแก้ปวด และเจลประคบเย็น ตามที่แพทย์สั่ง
  3. ช่วง 3 วันแรก ไม่ควรขยับใบหน้าเยอะ อาจทำให้ไหมเคลื่อนที่ผิดตำแหน่งหรือไหมขาดได้
  4. เลี่ยงแสงแดด หรือทำกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดง เป็นเวลา 3 วันหลังทำ เช่น อบซาวน่า ออกกำลังกายหนัก ๆ หรือกิจกรรมที่ต้องอยู่ในที่ร้อนเป็นเวลานาน ๆ 
  5. สามารถล้างหน้า แต่งหน้าได้ตามปกติ แต่งดทาครีมบริเวณรอยเข็ม 1 คืน
  6. งดยิงเซเลอร์ร้อน และหัตถการอื่นๆ ที่ใช้ความร้อน เป็นเวลา 2 เดือน
  7. งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด
  8. งดอาหาร ประเภทร้อน หมักดอง กึ่งสุกกึ่งดิบ และอาหารที่มีรสเผ็ดจัด หวานจัด 

สรุป

ก่อนตัดสินใจทำร้อยไหมก้างปลา อย่าลืมนำความรู้ทั้ง 11 ข้อที่เราแนะนำไปปฏิบัติตาม โดยเฉพาะการเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง และการเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ในการร้อยไหมก้างปลา เพราะจะได้ผลลัพธ์ที่สวยงามที่มีความปลอดภัย และหากเกิดผลข้างเคียงขึ้นจะได้เตรียมรับมือ สามารถดูแลตัวเองได้อย่างถูกต้อง